วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

ครั้งที่ 10



วิชา การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย

Inclusive Education Experiences Management for Early Childhood

อาจารย์ผู้สอน ตฤณ  แจ่มถิน

ประจำวันที่ 30  มีนาคม พ.ศ. 2559

เรียนครั้งที่ 10  เวลา  8.30 น. - 12.30 น.

กลุ่ม  102   ห้องเรียน  224



Knowledge (ความรู้)


รูปแบบการจัดการศึกษา    
การศึกษาแบบปกติทั่วไป (Regular Education) รร.ทั่วๆ ไป 
การศึกษาพิเศษ (Special Education) ส่วนใหญ่อยู่ในมหาวิทยาลัย
การศึกษาแบบเรียนร่วม (Inteagrated Education หรือ Mainstreaming)
การศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)

การจัดการศึกษาสำหรับเด็กมีความต้องการพิเศษ
เด็กที่มีความต้องการพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้ารับโอกาสในการเรียนที่เหมาะสมกับความต้องการของเขา

ความหมายของการศึกษาแบบเรียนร่วม(Integrated Education หรือ Mainstreaming) 
การจัดให้เด็กพิเศษเข้าไปในระบบการศึกษาทั่วไป  
มีกิจกรรมให้เด็กพิเศษกับเด็กปกติทั่วไปได้ทำร่วมกัน    
ใช้ช่วงเวลาช่วงใดช่วงหนึ่งในแต่ละวัน   
ครูปฐมวัยและครูการศึกษาพิเศษร่วมมือกัน
การเรียนร่วมบางเวลา (Integration)   
ารจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติในบางเวลา  
เด็กพิเศษได้มีโอกาสแสดงออก และมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับเด็กปกติ  
เป็นเด็กพิเศษที่มีความพิการระดับปานกลางถึงระดับมาก จึงไม่อาจเรียนร่วมเต็มเวลาได้ 
การเรียนร่วมเต็มเวลา (Mainstreaming)  
การจัดให้เด็กพิเศษเรียนในโรงเรียนปกติตลอดเวลาที่เด็กอยู่ในโรงเรียน - เด็กพิเศษได้รับการจัดกระบวนการเรียนรู้และบริการนอกห้องเรียนเหมือนเด็กปกติ
ความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม (Inclusive Education)    
การศึกษาสำหรับทุกคน  
รับเด็กเข้ามาเรียนรวมกันตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษา  
จัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
Wilson , 2007
การจัดการเรียนการสอนที่ยึดปรัชญาของการอยู่รวมกัน (Inclusion) เป็นหลัก 
การสอนที่ดี เป็นการสอนที่ครูกับนักเรียนช่วยกันให้ทุกคนเป็นสมาชิกที่ดีของชุมชน
กิจกรรมทุกชนิดที่จะนำไปสู่การสอนที่ดี (Good Teaching) ต้องคิดอย่างรอบคอบเพื่อหาหนทางให้นักเรียนทุกคนสามารถเรียนได้ 
เป็นการกำหนดทางเลือกหลายๆ ทาง 
 "Inclusive Education is Education for all, It involves receiving people at the beginning of their education, with provision of additional services needed by each individual"

สรุปความหมายของการศึกษาแบบเรียนรวม
เป็นการจัดการศึกษาที่จัดให้เด็กพิเศษเข้ามาเรียนรวมกับเด็กปกติ โดยรับเข้ามาเรียนรวมกัน ตั้งแต่เริ่มเข้ารับการศึกษาและจัดให้มีบริการพิเศษตามความต้องการของแต่ละบุคคล
เด็กพิเศษทุกคนสามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ถ้าได้รับโอกาสในการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับความต้องการพิเศษของเขา  
เกิดจากปรัชญาการศึกษาที่กล่าวไว้ว่า การศึกษาสำหรับทุกคน  (Education for All)  
การเรียนรวม เป็นแนวคิดทางการศึกษาอย่างหนึ่งที่โรงเรียนจะต้องจัดการศึกษาให้กับเด็กทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยกว่าเด็กคนใดเป็นเด็กปกติ หรือเด็กคนใดเป็นเด็กที่มีความต้องการพิเศษ  
เด็กเลือกโรงเรียนไม่ใช่โรงเรียนเลือกเด็ก  
เด็กทุกคนที่ผู้ปกครองพาเข้ามาโรงเรียนทางโรงเรียนจะต้องรับเด็กไว้ และจะต้องจัดการศึกษาให้อย่างเหมาะสม และดำเนินการเรียนในลักษณะ “รวมกัน” ที่ทุกคนต่างเป็นส่วนหนึ่ง ของสังคม ทุกคนยอมรับซึ่งกันและกัน  ทุกคนยอมรับว่ามี ผู้พิการ อยู่ในสังคมและเขาเหล่านั้นต่างก็เป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่จะต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับคนปกติ โดยไม่มีการแบ่งแยก
ความสำคัญของการศึกษาแบบเรียนรวม สำหรับเด็กปฐมวัย ปฐมวัยเป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุดของการเรียนรู้  
“สอนได้”
เป็นการจัดการศึกษาสำหรับเด็กพิเศษที่มีขีดจำกัดน้อยที่สุด
บทบาทครูปฐมวัย ในห้องเรียนรวม

ครูไม่ควรวินิจฉัย 
การวินิจฉัย หมายถึงการตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง 
จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิดได้ 
ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก  
เกิดผลเสียมากกว่าผลดี 
ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป 
เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ
ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ 
พ่อแม่ของเด็กพิเศษ มักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญหา 
พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว 
ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ 
ครูควรรายงานผู้ปกครองว่าเด็กทำอะไรได้บ้าง เท่ากับเป็นการบอกว่าเด็กทำอะไรไม่ได้ 
ครูช่วยให้ผู้ปกครองมีความหวังและเห็นแนวทางที่จะช่วยให้เด็กพัฒนา
ครูทำอะไรบ้าง 
ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ 
ให้ข้อแนะนำในการหาบุคลากรที่เหมาะสมในการประเมินผลหรือวินิจฉัย
สังเกตเด็กอย่างมีระบบ 
 จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ
สังเกตอย่างมีระบบ 
ม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู 
ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆ ช่วงเวลายาวนานกว่า 
ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลินิก มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา
การตรวจสอบ 
จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร 
เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น 
บอกได้ว่าเรื่องใดบ้างที่เด็กต้องการความช่วยเหลือ
ข้อควรระวังในการปฏิบัติ 
ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้ 
ประเมินให้น้ำหนักความสำคัญของเรื่องต่างๆได้ 
พฤติกรรมบางอย่างของเด็กไม่ได้ปรากฏให้เห็นเสมอไป
การบันทึกการสังเกต 
การนับอย่างง่ายๆ 
การบันทึกต่อเนื่อง 
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง
การนับอย่างง่ายๆ 
นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม 
กี่ครั้งในแต่ละวัน กี่ครั้งในแต่ละชั่วโมง 
ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม
การบันทึกต่อเนื่อง 
ให้รายละเอียดได้มาก 
เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง 
โดยไม่ต้องเข้าไปแนะนำช่วยเหลือ
การบันทึกไม่ต่อเนื่อง 
บันทึกลงบัตรเล็กๆ 
เป็นการบันทึกสั้นๆเกี่ยวกับพฤติกรรมของเด็กแต่ละคนในช่วงเวลาหนึ่ง
การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป 
ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่อง มากกว่าชนิดองความบกพร่อง 
พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ
การตัดสินใจ 
ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง 
พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่
กิจกรรมวาดภาพดอกบัว




ดอกบัวสีม่วงอมชมพู พร้อมนอบน้อมบูชาพระสงฆ์



ความรู้ที่ได้รับ 

ได้รับความรู้เรื่องของการจัดการศึกษาให้กับเด็กพิเศษ ได้เรียนรู้ควรจัดการศึกษาแบบใดเมื่อมีเด็กพิเศษเรียนร่วมห้อง ได้รู้ว่าตัวคุณครูเองควรมีการวินิจฉัยเด็กแบบใด

ประเมินเพื่อนร่วมห้อง 

เพื่อนในห้องโดยรวมตั้งใจเรียน อาจจะมีบางคนคุยกันบ้าง หรือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นบ้าง

ประเมินอาจารย์ 

อาจารย์เข้าสอนตรงเวลา แต่งกายเรียบร้อย มีกิจกรรมให้นักศึกษาได้ทำ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น